วันที่ 4 มิ.ย. 2568 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดกำแพงเพชรนัดฟังคำพิพากษาฎีกาในคดีของ “อาร์ม” (สงวนชื่อสกุล) นักร้องในร้านอาหารจากเกาะพะงันวัย 23 ปี ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) เหตุจากการถูก พุทธ พุทธัสสะ ชาวจังหวัดกำแพงเพชร ไปแจ้งความกล่าวหาจากการเผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 14 วินาที และมีการกล่าวถ้อยคำหยอกล้อกับแมวในแอพพลิเคชั่น TikTok เมื่อวันที่ 13 ต.ค. 2564
คดีนี้ เดิมนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุก 3 ปี จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษเหลือจำคุก 1 ปี 6 เดือน โดยเห็นว่าจำเลยมีอาชีพและมีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง และไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ มีกำหนด 2 ปี ให้คุมประพฤติ 1 ปี และให้ทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์เป็นระยะเวลา 12 ชั่วโมง
แต่อัยการได้อุทธรณ์คำพิพากษาต่อมา และศาลอุทธรณ์ภาค 6 ได้แก้คำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยเห็นว่าพฤติการณ์ของจำเลยเป็นเรื่องร้ายแรง แม้ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือจำเลยมีภาระต้องเลี้ยงดูบุคคลในครอบครัว จำเลยควรสังวรและตระหนักรู้ก่อนกระทำความผิด เพื่อให้จำเลยหลาบจำและมิให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่บุคคลอื่น พิพากษาแก้เป็นไม่รอการลงโทษจำคุกและไม่คุมความประพฤติจำเลย
อาร์มยังได้รับการประกันตัวระหว่างฎีกา และได้ยื่นฎีกาคำพิพากษา โดยขอให้ศาลฎีกาแก้คำพิพากษาให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
.
อาร์มเปิดเผยก่อนเข้าฟังคำพิพากษาว่า หลังทราบว่ามีวันฟังคำพิพากษาฎีกาที่เป็นศาลสุดท้าย เขาค่อนข้างเครียดมาก เพราะไม่รู้ว่าผลจะลงเอยอย่างไร เขาเดินทางออกจากเกาะพะงันมาตั้งแต่วันที่ 2 มิ.ย. โดยต้องเข้ามาที่สุราษฎร์ธานี ก่อนต่อรถเข้ากรุงเทพฯ และนั่งรถมายังจังหวัดกำแพงเพชร มาถึงในช่วงดึกวันที่ 3 มิ.ย. ใช้เวลาเดินทางสองวัน โดยคืนก่อนวันพิพากษา เขานอนไม่หลับทั้งคืน แต่ก็ได้เตรียมใจไว้สำหรับคำพิพากษาที่จะเกิดขึ้น
อาร์ม พร้อมทนายความ เดินทางเข้ารอฟังคำพิพากษาที่ห้องพิจารณาคดีที่ 4 ตามเวลานัด โดยมีประชาชนที่มาร่วมพิจารณาคดีอื่น ๆ รออยู่อีกหลายคนในห้องพิจารณา ก่อนเจ้าหน้าที่ตำรวจศาลจะเข้ามาใส่กุญแจมืออาร์มก่อนจะมีการอ่านคำพิพากษา
เวลา 9.36 น. ศาลออกนั่งพิจารณา ก่อนจะเปิดซองคำพิพากษาของศาลฎีกา โดยสรุปศาลฎีกาวินิจฉัยประเด็นว่าคดีมีเหตุสมควรรอการลงโทษจำคุกจำเลยหรือไม่ เห็นว่าจากรายงานการสืบเสาะและพินิจ จำเลยได้เสพสื่อสังคมออนไลน์โดยขณะกระทำความผิดอายุ 20 ปีเศษ อยู่ในช่วงวัยรุ่นผ่านประสบการณ์การใช้ชีวิตไม่มากนัก จึงถูกชักจูงได้ง่าย หลงกระทำความผิดไปอันเกิดจากการโพสต์ต่อ ๆ กัน
ในการพิจารณาของศาลชั้นต้น จำเลยให้การรับสารภาพ รู้สำนึกในการกระทำความผิดของตน ไม่ปรากฏว่าจำเลยเคยกระทำความผิดมาก่อน จึงมีเหตุสมควรให้จำเลยกลับตนเป็นพลเมืองดี ให้รอการลงโทษจำคุกจำเลยไว้ และเพื่อไม่ให้จำเลยไปกระทำความผิดอีกสมควรคุมประพฤติของจำเลยไว้ด้วย
พิพากษาให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี นับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟัง
หลังการอ่านคำพิพากษา ตำรวจได้ปลดกุญแจมือออก ก่อนอาร์มจะเดินทางไปรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานคุมประพฤติตามคำพิพากษา โดยได้ทำเรื่องขอรายงานตัวต่อสำนักงานคุมประพฤติในพื้นที่เกาะสมุย ซึ่งอยู่ใกล้กับถิ่นที่อยู่ของเขามากกว่าแทน
ก่อนหน้านี้ หลังคำพิพากษาในศาลชั้นต้น อาร์มได้เคยเข้ารายงานตัวต่อคุมประพฤติจนเกือบครบระยะเวลา 1 ปี แล้ว รวมทั้งทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ แต่หลังคำพิพากษาในชั้นฎีกา ทำให้เขาต้องเริ่มกระบวนการใหม่อีกครั้ง
.
อาร์มระบุหลังทราบคำพิพากษาว่า รู้สึกดีใจ และโล่งใจ ไม่ใช่เพียงยกภูเขาออกจากอก แต่เหมือนยกกาแล็กซีออกจากอก เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นและดำเนินมานานกว่า 3 ปีเศษนี้ ทำให้เขาต้องเผชิญกับแรงกดดันและภาระในชีวิตหลากหลายด้าน ทั้งด้านเวลา รายได้ และสภาพจิตใจ
อาร์มเล่าว่าเขาต้องเดินทางมาที่จังหวัดกำแพงเพชรเกินกว่า 10 ครั้ง แต่ละครั้งต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับรวม 4 วัน ค่าใช้จ่ายครั้งหนึ่งอย่างต่ำ ๆ ไม่ต่ำกว่า 5-6 พันบาท ทั้งค่าเรือ ค่ารถ ค่าที่พัก และยังต้องลางานในช่วงนั้น ส่งผลกระทบต่อการหารายได้ของเขาในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงพยายามตั้งตัวและสร้างครอบครัว ดีว่าในช่วงหลังเขาได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ด้วย
อาร์มบอกว่าช่วงที่ผ่านมาสุขภาพจิตของเขา มีทั้งภาวะเครียด นอนไม่หลับ มีความฝันว่าจะติดคุก ไม่อยากรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องคดี ยังดีว่ายังขนาดไม่ถึงกับมีอาการป่วยซึมเศร้าหรือไบโพลาร์ ส่วนหนึ่งเพราะได้เพื่อน ๆ และคนที่ทำงานช่วยกันให้กำลังใจ โดยคนรอบตัวค่อนข้างเข้าใจเกี่ยวกับคดีที่เกิดขึ้น และคิดว่าไม่น่าจะโดนคดีแบบนี้
ก่อนอาร์มเดินทางมาฟังคำพิพากษาในศาลสุดท้ายเมื่อวันก่อน เพื่อน ๆ ที่ทำงานยังส่งกำลังใจให้เขา โดยแกะเพลงที่เขาเล่นไว้มาร้องร่วมกันด้วย นอกจากนั้นกิจกรรมการร้องเพลงยังเหมือนเป็นเครื่องเยียวยาและสร้างความผ่อนคลายในชีวิตของเขา
อาร์มระบุว่าคดีที่เกิดขึ้นก็เป็นบทเรียนสำหรับเขา ที่ต้องระมัดระวังให้มากกว่านี้ ยังดีที่ศาลยังมีความเมตตา แม้ระยะเวลาคดีจะค่อนข้างนาน โดยอัยการได้ยื่นอุทธรณ์ทำให้คดียืดเยื้อออกมา หลังจากนี้เขาจะเดินทางกลับพะงัน โดยคิดว่าอาจจะบวชให้แม่ และตั้งใจทำงานหารายได้ต่อไป
สำหรับอาร์ม เคยประกอบอาชีพเป็นเด็กปั๊มน้ำมันในกรุงเทพฯ ก่อนจะโยกย้ายไปอยู่จังหวัดกาฬสินธุ์ช่วงเวลาหนึ่ง ระหว่างนั้น เขาเคยเป็นนักร้องที่ทำคลิปเพลงเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ก่อนจะย้ายไปทำงานเป็นนักร้องในร้านอาหารอยู่ที่เกาะพะงันตั้งแต่ช่วงปี 2564
.
ทั้งนี้ เท่าที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนทราบข้อมูล มีคดีมาตรา 112 ที่จังหวัดกำแพงเพชรในช่วงหลังปี 2563 เป็นต้นมา จำนวนอย่างน้อย 5 คดี มีผู้ถูกดำเนินคดี 5 ราย ทั้งหมดเป็นคดีที่มีบุคคลทั่วไปไปแจ้งความกล่าวหาไว้ที่สถานีตำรวจต่าง ๆ โดยมีพฤติการณ์เป็นการโพสต์คลิปหรือข้อความลงในสื่อโซเชียลมีเดีย
ในชั้นศาล จำเลยทั้ง 5 คดี ตัดสินใจให้การรับสารภาพทั้งหมด และศาลจังหวัดกำแพงเพชรพิพากษาให้รอการลงโทษจำคุกไว้ทั้งหมดเช่นกัน ต่อมาพบว่ามีเพียงคดีของ “อาร์ม” เพียงคดีเดียว ที่อัยการอุทธรณ์คำพิพากษาต่อ ขณะที่ในอีก 4 คดีนั้น อัยการไม่ได้อุทธรณ์ต่ออีก ทำให้สิ้นสุดลงตั้งแต่ในศาลชั้นต้น
.